บันทึกเรื่องอนัตตาของพุทธทาสภิกขุเป็นบันทึกลายมือและพิมพ์ดีดในเชิงศึกษา ค้นคว้า เกี่ยวกับอนัตตาเพื่อโต้แย้งความเห็นว่าทุกสิ่งมีตัวตน “อัตตา คือคุกตะราง ! ใครติดอยู่ในอัตตาคือคนติดตะราง... อัตตาย่อมผูกพันไว้โดยสถานะใดสถานะหนึ่ง ตามควรแก่ความยึดถือและพอใจ... อนัตตาของพระพุทธเจ้า หมายถึงไม่มีตัวตน มิใช่หมายเพียง ไม่ใช่ตัวตน เหมือนของลัทธิอื่น แม้จะมีบางสิ่งที่มิใช่ตนก็จริง แต่ก็มีสิ่งอื่นบางสิ่งที่เปนตนหรืออาตมัน ...ส่วนพระพุทธองค์ปฏิเสธทิ้งทั้งหมด คือไม่มีตัวตน แม้นิพพานซึ่งตรงกับตัวตนของเวทานตะ และอสังขตธรรมอื่นๆ ก็ตรัสว่าเปนเพียงธรรม และเปนอนัตตาด้วย พุทธสาสนาจึงไม่มีอัตตา และคำว่าอนัตตาของพุทธสาสนาจึงต้องมีความหมายกว้างออกไปถึงกับว่า ไม่มีอัตตาเลยในที่ทั้งปวง”
“อัตตา เกิดขึ้นจากอุปาทานร่วมมือกับอวิชชา อวิชชาไม่รู้และหลง จึงมีการยึดถือ เมื่อมีความรู้สึกที่เปนการยึดถือ ก็ถือเอาตัวเองเข้าก่อน ฉะนั้นจิตต์จึงยึดถือเอาตัวเองเข้าว่าเปนตน จึงมองเห็นได้ว่าจิตต์คือตน
เมื่อมีตนแล้ว ก็ยึดต่อไปถึงของของตน คือยึดร่างกาย ลูกเมีย ทรัพย์สินเงินทองเปนของตน นี่เปนเพราะจิตต์มีการยึด, จึงทุกข์ เพราะการยึดย่อมหนัก
เมื่อพิจารณาเห็นสิ่งนี้ว่าไม่ควรยึดเปนของตน ก็ยึดสิ่งอื่นอีก, ตามกฎแห่งความผกผัน (Mechanism), อย่างใดอย่างหนึ่งเข้าไว้เสมอ. ฉะนั้นจึงต้องทำลายตัวผู้ยึดเสียทีเดียว การปล่อยวางจึงจะมี นั่นคือการทำลายอัตตา การทำลายอัตตา ย่อมบ่งไปยังการทำลายอุปาทาน (ความรู้สึกที่เปนการยึดหรือจับฉวยขึ้น), ...เหตุนั้น การทำลายอวิชชา จึงเปนสิ่งสำคัญ เราจึงต้องเรียนเรื่องธรรมชาติอันเกี่ยวกับอัตตา.”
พุทธทาสภิกขุได้ยกหลักธรรมอ้างอิงในพระไตรปิฎกเปรียบเทียบมติเรื่องอัตตาในฝ่ายต่างๆ ตั้งแต่ปรัชญาเวทานตะ พุทธทาสภิกขุกล่าวถึงเวทานตะนี้หลายครั้ง นอกจากนี้ยังมี เชน คริสต์ รวมถึงวิพากษ์ทัศนะของนักคิดร่วมสมัย อาทิ ชีวันมุกติ สัตยานันท์ กฤษณมูรติ เป็นงานเขียนที่พยายามชี้แจงแง่มุมให้เห็นอนัตตาอย่างละเอียดทุกแง่มุม บางครั้งก็ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน